”กินอะไรได้ประโยชน์ที่สุด”

วันวันหนึ่งเราให้เวลาหมดไปกับเรื่องอะไรมากรองจากการพักผ่อนนอนหลับคำตอบสำหรับบ้านที่ทำสำรับกับข้าวกินเองก็คือเรื่องของกิน  ไม่ว่ามื้อหลักสามมื้อยังไม่นับมื้อย่อยของแต่ละคนที่ต่างกัน เวลาเราอ่านหนังสือพิมพ์หรือวารสารจะพบบทความเรื่องอาหารอยู่อย่างน้อยหนึ่งบทเสมอ  มีการให้ข้อมูลต่างๆกัน บ้างก็ชวนชิมชวนดื่มบอกละเอียดถึงส่วนประกอบของเครื่องปรุงและราคา มีอยู่มากที่อ้างประโยชน์หรือสรรพคุณในการป้องกันโรคหรือรักษาโรค

สรรพคุณที่อ่านพบได้บ่อยยกตัวอย่างเช่นถ้ากินรากไม้.กอ.นี้ด้วยการนำมาใส่ในแกง..ขอ..กินแล้วจะรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าแถมเจ้าอวัยวะสำคัญของท่านชายที่เงียบเหงาอยู่ใต้เข็มขัดก็จะแข็งแรงอย่างไม่เคยแข็งแรงมาก่อน  เพียงแค่ประสิทธิภาพที่ยกตัวอย่างนี้เท่านั้นอาหารที่มีบทความชวนชิมดังกล่าวจะทำให้เจ้ารากไม้..กอ.ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า  ร้านอาหารที่นำราก..กอ.มาใส่เป็นเครื่องปรุงเพิ่มในรายการอาหารของร้านก็พลอยขายดีตามไปด้วยเป็นต้น  ที่ต้องเขียนเล่าเรื่องการตัดสินใจกินอาหารใดๆตามข้อความที่ตีพิมพ์ลงในวารสารและปัจจุบันมีการนำมาเผยแพร่ในสื่อที่มากับอินเตอร์เน็ตส่งตรงถึงโทรศัพท์มือถือได้รวดเร็วทันใจจะเป็นทาง”ไลน์กลุ่ม”หรือทาง” เฟสบุ๊ค”ก็ตาม  มีผู้สูงวัยบางท่านหลงเชื่อกินโซดาผสมน้ำมะนาวตามแล้วเกิดติดใจขึ้นมาจึงกินแล้วกินอีก  เพราะนอกจากได้ข้อมูลมาว่ามีสรรพคุณในการฆ่าเซลมะเร็งแล้วยังแถมมีอาการเลอโล่งรู้สึกว่าตัวเบาเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วกว่าเดิมได้อีก  ผลของการตัดสินใจกินโดยไม่ระวังทั้งความถี่ของจำนวนครั้งและปริมาณที่กิน 

ผลลัพธ์ที่ได้ตามมาคืออาเจียนออกมาเป็นเลือด  ทีมแพทย์ให้การวินิจฉัยว่าคุณยายกินมากเกินไปจนของที่กินนั้นกัดเยื่อบุกระเพาะอาหารลึกจนเป็นแผลทำให้มีเลือดออก  โชคดีที่หลานสาวพาส่งถึงมือหมอทันเวลายังรักษาให้คุณยายได้  แต่ถ้าโชคร้ายคุณหมอว่ากระเพาะอาหารอาจทะลุได้  เรื่องการกินอาหารเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นโรคมะเร็งในอนาคตนี้  เราควรคิดย้อนกลับไปในอดีตว่าโรคมะเร็งในอดีตเปรียบเทียบกับปัจจุบันนี้ช่วงไหนมีโรคมะเร็งมากกว่ากัน  เอาความจริงจากสำนักงานสถิติของประเทศไทยและสถาบันมะเร็งแห่งชาติมากางดูกันบนโต๊ะก็จะพบความจริงว่า  ในประชาชนคนไทยที่แยกกลุ่มชายกลุ่มหญิงเฉลี่ยกลุ่มละหนึ่งแสนคนมีการนับจำนวนประชากรป่วยและตายด้วยโรคมะเร็งในแต่ละกลุ่มพบว่ามากขึ้นทุกปี 

ข้อมูลที่พบในประชากรทั้งสองกลุ่มนี้ยังตรงกับข้อมูลในต่างประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลก  สามารถสืบค้นความจริงนี้ได้จากองค์การอนามัยโลก สรุปพวกเรามีโอกาสจะอยู่ในกลุ่มประชาชนที่จะเป็นมะเร็งได้ถ้าไม่หาทางป้องกัน  กินอะไรถึงจะป้องกันได้  คำตอบได้จากประวัติความเป็นอยู่ของผู้ป่วยโรคมะเร็งตั้งแต่ยังไม่มีอาการ  ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยในประเทศไทยและทั่วโลกพบว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งทุกคนไม่กินอาหารที่มีกากและมีใยสูง  มีกากใยสูงคือผักและผลไม้เอาผักพื้นบ้านเช่นหน่อไม้และยอดมะพร้าวอ่อนเวลาหั่นเราจะมองเห็นเส้นใยได้ด้วยตาของเราเอง  เส้นใยอาหารที่ช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคมะเร็งนั้นเราจะมองไม่เห็นไม่เหมือนของหน่อไม้  เส้นใยอาหารที่ช่วยเรานี้มีในข้าวกล้องและถั่วทุกชนิด ” ข้าวก่ำมีมากที่สุด ” ผักที่มีเส้นใยอาหารมากที่สุดคือ “มะเขือเทศ( บะเขือส้ม ) “ผลไม้ที่มีเส้นใยอาหารมากที่สุดคือ “แก้วมังกรสีแดง ผลฝรั่ง,ผลชมพู่และผลพุทราที่ไม่ปลอกเปลือก “สัปปะรดล่ะก็มีเส้นใยอาหารมองเห็นชัดนี่  จริงๆสัปปะรดมีกากใยของพืชที่ช่วยให้ระบายคล่องไม่แนะนำให้กินเป็นประจำเพราะเป็นผลไม้ที่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้ง่ายเหมือนผลองุ่นผลลำไยผลลองกองหวาน  ในแต่ละวันถ้าเราจะกินเพื่อป้องกันโรคขอเพียงเราตั้งใจให้มีผักและผลไม้รวมกันทั้งที่มีใยอาหารและกากใยของพืชผักสักครึ่งหนึ่งก็จะช่วยป้องกันการเป็นโรคมะเร็งและโรคอื่นได้แน่นอน.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *